คณะกรรมการสตรี
ประวัติความเป็นมาวันสตรีสากล
วันสตรีสากลมีจุดกำเนิดมาจากการนัดหยุดงานและเดินขบวนของกรรมกรหญิงโรงงานทอผ้าที่เมืองชิคาโก เพื่อเรียกร้องสิทธิสตรีของผู้ใช้แรงงานหญิง นำโดย คราลา เซทคิน ผู้นำแรงงานหญิงชาวเยอรมัน ที่มีชีวิตอันแร้นแค้นไร้ความหวัง จากการทำงานภายใต้สภาพแวดล้อมอันเลวร้ายและมีชั่วโมงทำงานยาวนาน หลังจากต่อสู้นานถึง 3 ปีเต็มในวันที่ 8 มีนาคม 1910 ผู้แทนหญิงจาก 18 ประเทศได้เข้าร่วมประชุมเพื่อสนับสนุนและเสนอให้มีการคุ้มครองแรงงานหญิงในระบบ สาม 8 ในการทำงาน กล่าวคือ 8 ชั่วโมงทำงาน 8 ชั่วโมงเพื่อการพักผ่อน และ 8 ชั่วโมง เพื่อการศึกษาแสวงหาความรู้ เพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวเอง กำหนดค่าจ้างให้เท่าเทียมกับชาย ให้การคุ้มครองผู้หญิงและเด็ก เพื่อเรียกร้องให้มีระบบความคุ้มครองแรงงานสตรี เช่น เนื่องจากคนงานหญิงในสมัยนั้นต้องทำงานอยู่ในโรงงานไม่ต่ำกว่า 16 - 17 ชั่วโมงโดยไม่มีวันหยุด ไม่มีการประกันการใช้แรงงานใด ๆ คนงานหญิงที่เข้าไปทำงานในเวลาไม่กี่ปีก็ต้องกลายเป็นคนหลังค่อม ตามัวหรือเป็นวัณโรคและถึงแก่ชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว
เพื่อเรียกร้องสิทธิของผู้ใช้แรงงานหญิงที่ถูกกดขี่เอารัดเอาเปรียบและการถูกเลือกปฏิบัติที่มีต่อชนชั้นแรงงาน จึงเป็นกำเนิดของวันสตรีสากล ดังนั้น ใน วันที่ 8 มีนาคม ของทุกปี ซึ่งองค์กรที่ทำงานด้านผู้หญิงหลายประเทศทั่วโลกได้มีการจัดงานวันสตรีสากลขึ้น เพื่อรำลึกถึงการต่อสู้ของกลุ่มผู้ใช้แรงงานหญิง และเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสวันสตรีสากล รวมทั้งการจัดกิจกรรมรณรงค์เคลื่อนไหวเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลง หรือแก้ปัญหา โดยเฉพาะปัญหาที่ผู้ใช้แรงงานได้รับผลกระทบตามสถานการณ์ของแต่ละประเทศ
กลุ่มผู้หญิงและองค์กรแรงงานหญิงได้เคลื่อนไหวและจัดกิจกรรมเนื่องในวันสตรีสากลอย่างต่อเนื่องมากว่า 30 ปี เพื่อนำเสนอสภาพปัญหาการถูกเอารัดเอาเปรียบของแรงงานหญิง ซึ่งต้องทำงานโดยได้รับค่าจ้างและสวัสดิการที่ไม่เป็นธรรม ตลอดจนเรียกร้องความเสมอภาคและขจัดการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงในรูปแบบต่าง ๆ วันสตรีสากล 8 มีนาจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เรียกร้องสิทธิความเสมอภาคของแรงงานหญิงและกลุ่มผู้หญิงที่ต่อสู้เพื่อสิทธิและความเสมอภาคในสังคม
ปัจจุบันแม้สิทธิของแรงงานหญิงและสิทธิผู้หญิงจะได้รับการพูดถึงและรับรองเพิ่มมากขึ้น แต่สภาพความเป็นจริง แรงงานหญิงทั้งในระบบและนอกระบบยังต้องเผชิญกับปัญหาการถูกเลือกปฏิบัติ ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม ไม่ได้รับความคุ้มครองเมื่อเจ็บป่วยจากการทำงาน ผู้นำแรงงานหญิงถูกคุกคามเมื่อออกมาต่อสู้เรียกร้องสิทธิ ฯลฯ ขณะเดียวกันผู้หญิงทั่วไปก็ยังขาดความมั่นคงและปลอดภัยในชีวิต แม้แต่สิทธิในชีวิต เนื้อตัว ร่างกาย ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ก็ยังไม่ได้รับการคุ้มครองปัญหาต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาคงต้องนำเสนอไว้ให้รัฐบาลใหม่ได้ทำการแก้ไขโดยเร่งด่วนต่อไปในขณะเดียวกันผู้หญิงก็ต้องใช้องค์กรของตนทำการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ด้วยตนเองให้ได้ เพราะเราคงจะมัวรอให้รัฐบาลแก้ไขอย่างเดียวคงไม่ได้อย่างแน่นอน หวังของผู้หญิงยิ่งใหญ่เสมอ
“โลกก้าวสู่สากลด้วยมวลชนทั้งหญิงชาย
เรียนรู้สู่จุดหมายบ้านเมืองได้ศิวิไลซ์
อย่าแบ่งเพศชนชั้นรวบรวมกันก้าวเดินไป
แรงหญิงหรือแรงชายเปรียบเปรยได้คือแรงคน
ยังกดยังข่มเหงไม่กริ่งเกรงสิทธิชน
จะเกิดโกลาหลส่งผลโศกโลกร้อนรน
รู้รักให้เกียรติหยุดหยามเหยียดสตรีชน
เพศแม่เพศอดทนทุกคนรู้เชิดชูมี
ก้าวเดินก้าวต่อไป เปิดทางให้หญิงทุกคน
ใช้สิทธิสตรีชน บนถนนคนทำดี
เลิกปิดเลิกกีดกั้น วันนี้วันของสตรี
ร่วมกันสานฝันนี้ มอบเป็นศรีสตรีเอย”…